ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไร ล้วนต้องมีป้ายฉลากบอกรายละเอียดกำกับไว้เสมอ ไม่เว้นแม้แต่เหล็ก ที่หามีการผลิตขึ้นมาแล้วก็ต้องมีรายละเอียดกำกับด้วยเช่นกัน โดยผู้ผลิตจะต้องติดเอกสารบอกรายละเอียดที่สำคัญไว้ได้แก่
- บริษัทผู้ผลิต ประเภทสินค้า (Type)
- ชั้นคุณภาพ (Grade)
- ขนาด(Size)
- ความยาว (Length)
- วันเวลาที่ผลิต (Date/Time)
- เครื่องหมายมอก
แต่หากคุณไม่เห็นเอกสารบอกรายละเอียด ก็สามารถสังเกตได้บนเนื้อเหล็ก โดยจะมีรายละเอียดดังนี้
ชื่อผู้ผลิตหรือตรายี่ห้อต่างๆ
- ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง เช่น RB9 DB16 DB20
- ชั้นมาตรฐานของเหล็กนั้นๆ เช่น SR24 SD40 SD50
หากมีข้อมูลครบถ้วนตามที่กล่าวมาข้างต้น คุณก็สบายใจได้เลยว่าเหล็กที่คุณซื้อมานั้น มีความแข็งแรงสูง สามารถนำไปสร้างหรือนำไปใช้ได้แบบสบายหายห่วง และสำหรับใครที่เคยได้ยินคำบอกเล่าที่ว่า ‘เวลาเลือกเหล็กสร้างบ้านให้ใช้เหล็กเต็ม’
แล้ว “เหล็กเต็ม” คืออะไร ?
เหล็กเต็มก็คือเหล็กที่มีขนาดและน้ำหนักถูกต้องตาม มาตรฐาน มอก. สำหรับเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน มอก. บางครั้งก็อาจเรียกกันว่า ‘เหล็กเบา’ หรือ เหล็กไม่เต็ม’ ดังนั้นการตรวจสอบคุณภาพเหล็กให้เบื้องต้นก็ให้สังเกตหาเครื่องหมาย มอก. ก็จะทำให้เราสามารถมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าเหล็กที่เราเลือกใช้เป็นเหล็กที่ดีและมีคุณภาพได้มาตรฐาน