สเก็น (Shackle) เป็นอุปกรณ์ที่ผลิตจากวัสดุเหล็กอัลลอยคุณภาพสูง มีคุณภาพที่ค่อนข้างแข็งแรงทนทาน ตัวตะขอไม่บิดงอ หักง่าย ทนต่อการใช้งาน เลยได้รับความนิยมอย่างมากในงานที่ต้องยกเคลื่อนย้ายสิ่งของ โดยการคล้องยึดกับลวดสลิง โซ่ เกลียวเร่ง สมอเรือ เป็นต้น
สเก็น (Shackles) ประเภทที่ได้รับความนิยมใช้คือ 2 ชนิด
- สเก็นชุบ แบบตัวดี , สเก็นตัวยู (Dee Shackle)
ไม่เหมาะสำหรับงานหนัก นิยมใช้กับงานเบา การช่วยยก การลากจูง หรือใช้กับรถเครน ลักษณะแตกต่างจากตัว โอเมก้า (Bow Shackle) เพียงแค่แกนล็อกที่มีให้เลือกแต่สีเดียว และขนาดเท่ากับตัวสเก็นเอง สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย
- สเก็นโอเมก้า (Bow Shackle)
เหมาะสำหรับการใช้งานที่หนักกว่าแบบแรก ส่วนการใช้งงานก็มาในรูปแบบเดียวกัน แต่จะหนักกว่าอย่าง เช่น การก่อสร้าง, เครน, รถบรรทุก เป็นต้น ลักษณะทั่วไปที่สังเกตได้ชัดเลยจะเป็นสีสันของตัวแกนล็อก ส่วนใหญ่ที่เราเห็นจะเป็น สีแดง สีฟ้า สีเหลือง ไม่ได้มีผลในเรื่องการยกน้ำหนัก แต่สีเหล่านี้ขึ้นอยู่กับ แบรนด์ที่ผลิตนั้นเอง ส่วนใครชอบแบรนด์ไหนก็สามารถเลือกได้เลยตามที่ชอบ
แต่ก็ยังมี สเก็น สแตนเลส, สเก็น แกนแดง G210 และสเก็นตัวยูมีสลัก แกนแดง G2150 ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในบ้านเราเช่นเดียวกัน ราคาส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับการรับน้ำหนักของแต่ละตัว ยิ่งสามารถรับน้ำหนักได้มากเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงจะทนต่อแรงกัดกร่อนได้ดีและมีความแข็งแรงสูง แต่การเลือกคุณสมบัติหรือชนิดโลหะให้เหมาะกับลักษณะงาน ก็จะสามารถช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและราบรื่นมากกว่า ลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นระหว่างการทำงานได้อีกด้วย
ลักษณะของ สเก็น (Shackles) ห่วงยึด
ลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดของ สเก็น (Shackles) ห่วงยึดนั้นก็คือรูปร่างตัว U ที่ปลายทั้งสองด้านมีแป้นเสียบอยู่ เพื่อล็อกหรือยึดไม่ให้สลิงหรือตัวตะขอหลุด ตรงปลายจะเป็นเกลียวล็อกที่สามารถเปิด-ปิดได้ ก่อนที่จะนำมาใช้งานทุกครั้งควรมีการตรวจเช็คสภาพก่อนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสภาพภายนอกมีสนิมเกาะหรือไม่ ตัวเกลียวล็อกยังดีอยู่ไหม ตัวแป้นต้องแข็งแรงไม่มีร่องรอยความเสียหายจนไม่สามารถใช้งานต่อได้ เพื่อไม่ให้หน้างานเกิดความเสียหายกับคนงานและสิ่งของ
อย่างที่เราทราบกันดีว่าตัว สเก็น (Shackles) นั้นมีความแข็งแรงและทนต่อแรงกัดกร่อนได้ดี ทำให้อายุการใช้งานยาวนานเกิน 10 ปีอย่างแน่นอน หากไม่ได้นำไปยกหรือลากของที่เกินกำลัง เพราะฉะนั้นแล้วการเลือกชนิดให้เหมาะสมกับรูปแบบหน้างานหรือแบรนด์ที่น่าเชื่อถือจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตัวช่วยที่จะทำให้เราได้สินค้าที่มีคุณภาพ